6 หน่วยงานร่วมส่งเสริมความรู้การเงินผ่านระบบการศึกษา

23 เมษายน 2567
อ่าน 2 นาที
แถลงข่าวร่วม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประสานความร่วมมือด้านทางวิชาการและการส่งเสริมความรู้ทางการเงินผ่านระบบการศึกษา

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการส่งเสริมความรู้ทางการเงินผ่านระบบการศึกษา ระหว่างนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  นายพรชัย ฐีระเวช  ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง  นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย  นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  และนายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย  ณ ธนาคารแห่งประเทศไทย

บันทึกข้อตกลงดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันความรู้ทางการเงินเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างยั่งยืน ผ่านการ (1) พัฒนากรอบสมรรถนะทางการเงินสำหรับภาคการศึกษา (Financial Competency Framework for Educational Purpose) เพื่อเป็นแนวทางกำหนดการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมแก่นักเรียนแต่ละระดับชั้นการศึกษา (2) กำหนดเนื้อหาความรู้ทางการเงินที่จำเป็นและสำคัญ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาหลักสูตร เครื่องมือและสื่อการสอนต่าง ๆ และ (3) ผลักดันให้เกิดเครือข่ายครูแกนนำที่เข้มแข็ง เพื่อยกระดับและส่งต่อความรู้ทางการเงินภายในสถานศึกษาได้ในวงกว้างและยั่งยืน โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและเครือข่ายสัมพันธ์ของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงนี้

การประสานความร่วมมือของ 6 หน่วยงานในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในภาคการศึกษาที่จะปลูกฝังให้เยาวชนสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญของเยาวชน ที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต การมีความรู้ ทักษะ และค่านิยมทางการเงินที่ถูกต้อง ซึ่งครอบคลุมการมีเป้าหมายทางการเงินที่เหมาะสม มีเงินออมและประกันภัยเพื่อคุ้มครองตนเองเวลาฉุกเฉิน มีเงินและการลงทุนเพียงพอในการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพในทุกช่วงวัยจนถึงวัยเกษียณ รวมถึงมีการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม เป็นหนี้เท่าที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสามารถชำระคืนได้ รวมถึงมีความรู้เป็นภูมิคุ้มกันจากภัยทางการเงินต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญให้ประชาชนคนไทยมีความเป็นอยู่ทางการเงินที่ดี (financial well-being) และช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป